สาเหตุที่เกิดสงครามโลกในครั้งที่ 1 นั้น มาจากการลอบปลงพระชนม์อาร์คดยุค ฟรานซ์ เฟอร์ดินานด์ รัชทายาทแห่งบัลลังก์ จักรวรรดิออสเตรีย – ฮังการี โดยที่ กัฟรีโล ปรินซิป ชาวเซิร์บบอสเนีย นั้นเป็นสมาชิกของแก๊งมือมีด และในการแก้แค้นของจักรวรรดิออสเตรีย – ฮังการี ที่ทำต่อ ราชอาณาจักรเซอรืเบียนั้น  ก็ทำให้เกิดปฏิกริยาในรูปแบบของลูกโซ่ ทำให้เกิดสงครามครั้งยิ่งใหญ่ประทุขึ้นตามมาทั่วทั้งทวีปยุโรป ภายในเวลาแค่เดือน

เดียว เกือบทั้งยุโรปก็ได้อยู๋ในสภาวะของสงคราม แต่ความขัดแย้งที่มามาตั้งแต่ในครั้งรวมชาติเยอรมณี ในปี ค.ศ. 1871 นั้นได้ทำให้ยุโรปนั้นตกอยู่ในสมดุลของอำนาจซึ่งยากแก่การรักษา การแข่งขันทางการทหาร อุตสาหกรรมต่างๆ และได้รวมไปถึงการแย่งชิงดินแดนต่างๆ ก็ทำให้เกิดความวิกฤตถึงขีดสุดจนได้ทำการประทุออกมาเป็นสงครามโลกครั้งที่ 1

ต่อมานั้นสงครามได้แบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย คือ มหาอำนาจไตรภาคี ซึ่งแต่เดิมนั้นจะประกอบไปด้วยฝรั่งเศส  สหราชอาณาจักร จักรวรรดิรัสเวีย รวมไปถึงประเทศอาณานิคมด้วย  โดยในส่วนใหย่ของรัฐที่ได้ทำการเข้าร่วมสงครามในภายหลังนั้นจะทำการเข้าร่วมกับฝ่ายพันธมิตร โดยชาติมหาอำนาจที่เข้าสู่สงครามด้วย ได้แก่  จักรวรรดิญี่ปุ่น เมื่อ เดือนสิงหาคม ปี 1941  อิตาลีนั้นได้ทำการเข้าร่วมเมื่อ เดือนเมษายน ปี1951  และสหรับอเมริกานั้น เมื่อเดือนเมายน ในปี 1917 และฝ่ายมหาอำนาจกลาง ซึ่งแต่เดิมนั้นจะประกอบไปด้วย จักรวรรดิเยอรมนี  จักรวรรดิ ออสเตรีย – ฮังการี  และดินแดนอาณานิคม  จักรวรรดิออตดตมาน ได้ทำการเข้าร่วมกับ ฝ่ายมหาอำนาจกลางใน เดือนตุลาคม ปี1914 และบัลแกเรียในอีกปีให้หลังด้วย  ระหว่างในช่วงสงคราม ประเทสที่ได้วางตัวเป็นกลางนั้น ในทวีปยุโรป  ได้แก่  เนเธอร์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ สเปน และประเทศตามคาบสมุทรแกนดิเนเวีย แม้ว่าประเทศเหล่านี้ อาจจะเคยส่งเสบียงและยุทโธปกรณ์ไปช่วยเหลือบางประเทศที่รบอยู่ก็ตาม

การสู้รบนั้นได้เกิดขึ้นตามแนวรบในด้านตะวันตก เกิดขึ้นไปตามระบบสนามเพลาะ และป้อมปราการซึ่งถูกแยกออกจากกันด้วยดินแดนรกร้าง แนวปราการเหล่านี้ตรึงขนานออกไปกินระยะทรางมากกว่า 600 กิโลเมตร  และนับว่าพื้นที่ตรงนี้นนั้นเป็นส่วนที่สำคัญของสงครามสำหรับคนจำนวนมาก

ในวันที่ 3 พฤศจิกายน ค.ศ.1918 ออสเตรียได้มีการขอทำสัญญาเพื่อสงบศึก และในวันที่ 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 1918 นั้น เยอรมนี ได้ลงนามเพื่อที่จะทำสัญยาสงบศึก สงครามโลกครั้งที่ 1 จึงได้ยุติลงและได้ลงนามในสนธิสัญญาแวร์ซาย ค.ศ. 1919 ณ พระราชวังแวร์ซายเป็นการที่ได้ยุติสงครามโลกครั้งที่ 1 อย่างเป็นทางการ หลังจากที่สหรับอเมริกาได้ทำการเข้าร่วมรบละประกาศศักดาในสงครามครั้งนี้ทำให้ประเทศอย่างสหรัฐอเมริกานั้นได้ก้าวเข้ามาเป็นหนึ่งในมหาอำนาจโลกเสรีบนเวทีโลกเคียงกับอังกฤษและฝรั่งเศษอีกด้วย

รัสเซียนั้นได้กลายเป็นมหาอำนาจโลกสังคมนิยม หลังจากเลนินได้ทำการปฎวิติเพื่อยึดอำนาจและต่อมาเมื่อสามารถที่จะขยายอำนาจไปผนวกแคว้นต่างๆมากขึ้น เช่น ยูเครน เบลารุส ฯลฯ จึงได้มีการประกาศเพื่อจัดตั้งสหภาพโซเวียต  ในปี ค.ศ. 1922 เกิดการร่างสนธิสัญญาแวร์ซาย โดยมีฝ่ายชนะสงครามอย่างเยอรมนีและและสนธิสัญญาสันติภาพอีก 4 ฉบับ สำหรับพันธมิตรของเยอรมนี เพื่อให้ฝ่ายผู้แพ้ยอมรับผิดในฐานะเป็นผู้ที่ทำให้เกิดสงคราม  ในสนธิสัญญาดังกล่าวฝ่ายผู้แพ้ต้องเสียค่าปฏิกรรมสงคราม เสียดินแดนทั้งในยุโรปและอาณานิคม ต้องทำการลดกำลังทหาร อาวุธ และต้องถูกพันธมิตรเข้าทำการยึดครองดินแดนจนกว่าจะปฏิบัติตามเงื่อนไขของสนธิสัญญาเรียบร้อย อย่างไรก็ตาม ด้วยเหตุที่ประเทศที่แพ้นั้นไม่ได้เข้าร่วมสนธิสัญญา แต่ถูกบีบบังคับให้ลงนามยอมรับข้อตกลงของสนธิสัญญา จึงก่อให้เกิดสภาวะที่ตึงเครียดขึ้น  และทำให้เกิดลัทธิฟาสซิสต์ในอิตาลีขึ้น นาซีในเยอรมีน และเผด็จการทหารญี่ปุ่น

แต่ในท้ายที่สุดนั้น ประเทศมหาอำนาจเผด็จการทั้ง 3 ประเทส นั้น ได้ร่วมมือกันเพื่อที่จะทำการต่อต้านโลกเสรี คอมมิวนิสต์ โดยที่เรียกกันว่าฝ่ายอักษะ มีการจัดตั้งขึ้นเป้นองค์กรกลางในการเจรจาเพื่อที่จะไกล่เกลี่ย ข้อพิพาทระหว่างประเทศ เป็นความร่วมมือในระหว่างประเทศ เพื่อทำการรักษาความมั่นคง ความปลอดภัย และสันติภาพในโลก แต่ความพยายามดังกล่าวก็ดูจะล้มเหลว เพราะในปี ค.ศ. 1939 ก็ได้เกิดสงครามที่รุนแรงขึ้นอีก แน่นอนนั้นคือ สงครามโลกครั้งที่ 2