เมื่อพูดถึงทหารแล้ว ก็เป็นอีกอาชีพหนึ่งที่ถึงแม้จะเป็นทหารเหมือนกันก็ตาม แต่ก็แบ่งสายการดำเนินงาน ความถนัด การดูแลต่าง ๆ ที่แตกต่างกัน โดยทหารพรานจัดเป็นกองกำลังทหารแนวราบ มีหน้าที่ออกตรวจตราลาดตระเวน บริเวณชายแดนไทย และแน่นอนว่าทหารพรานได้เป็นหนึ่งของกองทัพไทย ทำให้หลาย ๆ คนต้องการประกอบอาชีพนี้มาก โดยทหารพรานยังประสานงานกับตำรวจตระเวนชายแดนอีกด้วย แต่จะมีความแตกต่างในเรื่องของการฝึก และการติดอาวุธเพื่อพร้อมทำการรบตลอดเวลา เน้นสายงานปฎิบัติ แต่ทางด้านของตำรวจตระเวนชายแดน จะเน้นในเรื่องของการบังคับใช้กฎหมายมากกว่านั่นเอง

ทหารพรานอีกหนึ่งอาชีพทหารกล้า

ทหารพราน จัดตั้งอย่างเป็นทางการ วันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2521 ในครั้งนั้น ทหารพรานมีวัตถุประสงค์ในจัดตั้ง คือ เพื่อต่อสู้กับกองโจรคอมมิวนิสต์ ทหารพรานได้ทำการรุนราน ขับไล่กองโจรลงจากฐานที่มั่นให้แตกกระเจิง โดยการจัดตั้งทหารพรานขึ้นมานี้ มาจาการผลักดันของพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ซึ่งในตอนนั้นท่านเป็นผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก

การจัดตั้งหน่วยงานทหารพรานนั้น คัดสมาชิกมาจากประชาชนที่สนใจ มาจากพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากพรรคคอมมิวนิสต์ โดยทหารใหม่ จะต้องผ่านด่านเข้ารับการฝึกอย่างหนักหน่วงถึง 45 วัน เมื่อฝึกสำเร็จเรียบร้อยแล้ว ก็จะรับแจกอาวุธ มีความทันสมัยครบครัน พร้อมทั้งส่งกลับไปยังหมู่บ้านเกิด เพื่อปฏิบัติต่อต้านการรุนรานของกองโจรคอมมิวนิสต์ และอีกหนึ่งภารกิจที่ทหารพรานมีชื่อปรากฏอยู่อย่างโดดเด่น คือ การเผชิญหน้ากับทหารเพื่อนบ้าน ในเหตุการณ์ปราสาทพระวิหารในปี พ.ศ. 2551 – 2552

ได้รับยกย่องให้เป็นนักรบของประชาชน  

สำหรับเงื่อนไขในการรับสมัครสมาชิกใหม่เข้ามาประจำการเป็นกองกำลังทหารพราน ประกอบด้วยพลทหารประจำการ คัดเลือกจากบุคคลทั่วไป มีอายุ 18-39 ปี โดยมีเงื่อนไขว่าบ้านเกิดของผู้สมัครจะต้องจัดตั้งอยู่ใน พื้นที่ที่ปฏิบัติงาน มีความเข้าใจในเรื่องของความเสียสละ และพร้อมอย่างยิ่งที่จะต้องอุทิศตน เข้ารับการฝึกอย่างบริสุทธิ์ใจ และเมื่อฝึกจบแล้วจะต้องมีความพร้อมที่จะปฏิบัติงานอย่างเต็มกำลัง เพื่อความมั่นคงของชาติสืบต่อไป

สำหรับเงื่อนไขที่ว่า จะต้องรับสมัครประชาชนในท้องถิ่นเท่านั้น ก็อันเนื่องมาจากไม่มีผู้ใด ที่จะมีความรู้สึกอย่างเข้มข้น และรู้ถึงเงื่อนไขของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งที่แฝงตัวอยู่ได้ดีเท่ากับ ประชาชนในพื้นที่นั้น ๆ นั่นเอง อีกทั้งทหารพรานที่มาจากประชาชนในท้องถิ่นยังเป็นบุคคลที่รู้จักภูมิประเทศนั้นเป็นอย่างดี ทำให้มีความเหมาะสมเป็นอย่างมาก ที่จะมอบหมายภารกิจป้องกันชายแดนได้อย่างสมบูรณ์ สำหรับบุคคลที่มีโอกาสได้รับการคัดเลือกเข้ามา ก็จะได้รับการฝึกฝนใน 2 เรื่องใหญ่ ๆ ได้แก่ งานด้านการทหาร และงานด้านการเมือง

ต่อมาเมื่อกองกำลังเหล่านี้ ได้รับการฝึกฝนอย่างเข้มข้น ก็จะได้รับการบรรจุเป็นทหารพราน ครบระยะเวลา 6 เดือนแล้ว ก็จะได้รับการแต่งตั้ง กลายเป็นพลอาสาพิเศษ พร้อมทั้งได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นกองประจำการ โดยมีความพิเศษ คือ ไม่ต้องไปเข้ารับการคัดเลือกให้เป็นทหารกองประจำการ เพราะพวกเขาจะยังคงปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้สมัครเข้ามา เพียงแต่จะมีสภาพเป็นทหารประจำการเช่นเดียวกัน นอกจากนี้การควบคุม ดูแล การปฏิบัติงานของทหารพรานนั้น ก็จะมีการจับตามองอย่างเข้มงวด ถ้าทหารพรานคนใดกระทำความผิด ไม่ว่าจะในขั้นไหนก็ตาม จะได้รับการพิจารณาด้วยความเป็นกลาง และพบกับบทลงโทษทุกรายไป ทำให้ประชาชนวางใจได้ว่าชีวิตของพวกเขาจะพบกับความปลอดภัยอย่างแน่นอน